1. ดาวน์โหลด source code ของ kernel มาก่อน โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.kernel.org/ โดยที่ผมทำจะใช้เป็นรุ่น 2.6.34.1 ครับ
แตกไฟล์แล้วเอาโฟลเดอร์ linux-2.6.34.1 ไปไว้ใน /usr/src ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่นิยมใช้เก็บ source ของ kernel
2. เตรียมเครื่องมือ ได้แก่ kernel-package, fakeroot, ncurses (อันไหนมีแล้วก็ไม่ต้องโหลดเพิ่ม แต่ถ้าอันไหนมันฟ้องว่ายังขาดก็โหลดเพิ่มนะครับ :P)
sudo apt-get install kernel-package fakeroot libncurses5-dev
3. ทำการ configure kernel
ไปที่โฟลเดอร์ source ของเรา /usr/src/linux-2.6.34.1 แล้วสั่ง configure โดยสั่งได้ 3 รูปแบบ
วิธีแรกเป็นแบบ text-based
make menuconfig
วิธีที่สองถ้ามี Qt
make xconfig
วิธีที่สามถ้ามี Gtk
make gconfig
ก็เลือกตามสะดวกครับ ถ้าคิดไม่ออกก็เลือกวิธีแรกก็ได้
โดยใน menu สำหรับ configure นั้นจะมีอะไรให้เราเลือกมากมายครับก็เลือกตามที่ต้องการ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าคืออะไรก็ปล่อยเป็นค่า default ก็ได้ครับ
4. Compile Kernel
ในกรณีถ้าเครื่องมีหลาย cpu และต้องการให้คอมไพล์เร็วขึ้นให้สั่ง
export CONCURRENCY_LEVEL=3
โดยตัวเลขให้ใช้ จำนวนcpuที่มี + 1 (ในกรณีนี้ผมมี 2 cpu (2 core) เลยเป็น 3)
แล้วสั่ง
make-kpkg clean
fakeroot make-kpkg --initrd --append-to-version=-some-string-here kernel-image kernel-headers
โดย -some-string-here ใส่เป็นอะไรก็ได้เพื่อบอก version ของเรา เช่นของผมจะใส่ว่า -ping2p (ต้องขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย - และห้ามมีเว้นวรรค)
แล้วก็รอมันคอมไพล์ไป ระหว่างนี้ก็ไปอาบน้ำ อ่านหนังสือ กินข้าว รอจนกว่ามันจะเสร็จนะครับ ถ้าเสร็จแล้วลองดูที่โฟลเดอร์ /usr/src จะมีไฟล์ 2 ไฟล์คือ linux-image-2.6.34.1-ping2p_2.6.34.1-ping2p-10.00.Custom_i386.deb และ linux-headers-2.6.34.1-ping2p_2.6.34.1-ping2p-10.00.Custom_i386.deb (ในกรณีที่ compile แล้ว error เพราะ permission denied ให้ลองเปลี่ยน permission ของโฟลเดอร์ /usr/src ให้สามารถ write ได้ แล้วลองคอมไพล์ใหม่อีกรอบ (แต่จะใช้เวลาไม่นานเหมือนครั้งแรก เพราะหลายๆอย่างคอมไพล์เสร็จแล้ว))
5. Install
คราวนี้ก็จะทำการ Install kernel ใหม่นี้ โดยทำเป็น Option ให้เลือกตอน boot เผื่อเกิดอะไรผิดพลาดจะได้เรียกของเก่ากลับมาได้
ไปที่โฟลเดอร์ /usr/src จะพบ kernel ใหม่ที่เราคอมไพล์ แล้วให้ทำการติดตั้งดังนี้
sudo dpkg -i linux-image-2.6.34.1-ping2p_2.6.34.1-ping2p-10.00.Custom_i386.deb
sudo dpkg -i linux-headers-2.6.34.1-ping2p_2.6.34.1-ping2p-10.00.Custom_i386.deb
*** ในกรณี Ubuntu 10.04 จะมี bug โดยไม่ยอม initramfs มาให้ ให้สร้างเอง โดยในโฟลเดอร์ /usr/src ให้สั่ง sudo update-initramfs -c -k 2.6.34.1-ping2p (ใส่ version และชื่อตามรุ่นที่เราคอมไพล์และตั้งชื่อไว้ตอนแรก) เสร็จแล้วให้ลองตรวจสอบใน /boot ดูจะมีไฟล์ initrd.img2.6.34.1-ping2p, System.map-2.6.34.1-ping2p และ vmlinuz-2.6.34.1-ping2p ออกมา
6. ตรวจสอบ Bootloader
เพื่อให้แน่ใจว่าตอน boot แล้วจะมี kernel ใหม่ให้เลือก ให้ลองตรวจสอบ bootloader ดู ซึ่งแล้วแต่ว่า bootloader เป็น grub หรือ lilo
ในกรณีของผมเป็น grub2 ก็ไปดูที่ไฟล์ /boot/grub/grub.cfg (แต่ถ้าเป็น grub 1 จะอยู่ใน /boot/grub/menu.lst) จะมี kernel ใหม่อยู่
*** ลองตรวจสอบว่าตรงรายการ kernel ใหม่นั้นมีบรรทัด initrd /boot/initrd.img-2.6.34.1-ping2p อยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีให้ใส่เพิ่มเข้าไป (ตัวที่เป็น recovery mode ก็เช่นกันให้ใส่เข้าไปด้วย) ส่วนบรรทัดที่ขึ้นต้นด้วย linux /boot/vmlinuz-2.6.34.1-ping2p ให้ลองเปลี่ยนค่า root=/dev/sda5 เป็น root=UUID=..... โดยค่า UUID ให้ใช้ค่าที่อยู่ใน option --fs-uuid --set .... ที่อยู่ในบรรทัดข้างบน เช่นของผมจะเป็น
menuentry 'Ubuntu, with Linux 2.6.34.1-ping2p' --class ubuntu --class gnu-linux --class gnu --class os {
recordfail
insmod ext2
set root='(hd0,5)'
search --no-floppy --fs-uuid --set 54c8e93d-971f-4197-8a08-b9e131d1becf
linux /boot/vmlinuz-2.6.34.1-ping2p root=UUID=54c8e93d-971f-4197-8a08-b9e131d1becf ro quiet splash
initrd /boot/initrd.img-2.6.34.1-ping2p
}
เป็นอันเรียบร้อยครับ ลอง reboot ดู ตัว bootloader ของเราจะมี option kernel ตัวใหม่ของเราอยู่ด้วย
ระบบที่ทดสอบ
OS: Ubuntu 10.04
Kernel: Linux 2.6.34.1
อ้างอิง
http://www.howtoforge.com/kernel_compilation_ubuntu
http://linuxtweaking.blogspot.com/2010/05/how-to-compile-kernel-on-ubuntu-1004.html
http://www.cyberciti.biz/tips/compiling-linux-kernel-26.html